วันนี้เจอพี่ท่านนึงที่เป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มายาวนาน
เราไม่ได้รู้จักกันมากก่อน แต่เค้าชื่นชมน้ำจากบทความที่อ่านในไลน์
และพี่เค้าก็ทักทายด้วยความชื่นชมในงานเขียนตั้งแต่เจอกันครั้งแรก
วันนี้เจอกันโดยบังเอิญ ก็ยังคงเป็นพี่อาวุโสท่านนี้เรียกทักทายน้ำก่อนอีกแล้ว
———
วันนี้คำถามพี่เค้าคือ
1. ทำไมถึงมาทำเรื่องนี้?
2.เห็นทำนั่นนี่เยอะแยะไปเอาพลังมาจากไหน?
———-
เอาจริงๆนะ
ถ้าถามว่า ทำไมถึงทำก็ต้องบอกว่า
ตอนแรก อยู่ๆก็ได้รับโอกาสไปพูดเรื่อง BMC
แล้วพอทำได้ครั้งแรกและมีพี่ที่ฟังในกลุ่มแรกวันนั้นเชิญไปสอนให้กลุ่มเพื่อนเค้าต่อ
เมื่อต้นปีที่แล้วทำให้ชอบการสอนเรื่องนี้ขึ้นมา
แต่ก็ค้างคาไม่ได้จับขึ้นมาสอนเป็นหลักสูตรจริงจัง
คือ ชอบนะ เครื่องมือนี้ดี แต่ หาวิธีประชาสัมพันธ์หาคนมาเรียนไม่เป็น
คุยกับหลายคนแล้วมันก็ไม่เกิด
เลยต้องวางมันไว้แล้วไปทำอยากอื่น
แต่ว่าความอยากทำมันยังอยู่ล่ะ
มันฝังอยู่ ไปทำนั่นทำนี่ สุดท้ายก็เลือกที่จะทำอันนี้จริงจัง
แม้หนทางดูจะเสี่ยง
(การทำสัมมนาก็คือการทำธุรกิจรูปแบบหนึ่ง คนที่ทำแบบนี้จะเข้าใจคำว่า เสี่ยง ของงานนี้)
—————-
กลับมาที่คำถามว่าไปเอาพลังมาจากไหน?
จะว่าเป็นอุดมการ์ณเพื่อสังคม หรือแค่การตอบสนองกิเลสตัวเองก็ได้
อุดมการณ์ ก็คือเห็นมันเป็นเครื่องมือที่ดี ถ้าคนทำธุรกิจเข้าใจและเอาไปใช้มันจะสร้างมูลค่าเพิ่มและการเปลี่ยนแปลงได้มหาศาล
(แนวเดียวกับที่อ่านเรื่องคุณแกะดำอยากเปลี่ยนประเทศ)
ถ้างั้น SMEs คือคนที่จำเป็นที่สุดที่ต้องเข้าใจมัน แต่เค้าเหล่านั้นส่วนมากอาจไม่ได้มีโอกาสได้เจอ หรือเจอเครื่องมือนี้ในแบบที่ไม่รู้สึกว่าเอาไปทำไรได้
ถ้างั้นมันก็คงดีถ้าได้ถ่ายทอดความรู้นี้ไปให้เค้า
แล้วเพื่อตอบสนองกิเลสล่ะ?
อันนี้คำตอบคงไม่สวยแต่ชัดเจน
ว่าถ้าอยู่กับตัวเอง แล้วมันไม่ได้เกิดคุณค่า กับชีวิตที่ไม่ได้มีใคร
การได้ทำเพื่อคนอื่น บอกตัวเองว่าทำเพื่อผู้คน
มันทำให้มีพลัง ไม่ต้องหมกหมุ่นกับตัวเอง
กับความผิดหวังนั่นนี่
ก็เอางานนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ออกจากทุกข์
ที่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว เปลี่ยนเป็น มีผู้คนให้ได้ไปช่วยแทน
———-
น้ำก็เหมือนทุกคนที่น้ำโค้ช
ชีวิตมนุษย์มีความคล้ายคลึงกันอยู่มาก
เราต้องการกำลังใจ
แต่ ให้กำลังตัวเองได้ไม่ค่อยดีนัก
ถ้าอยู่คนเดียว แล้วต้องมีเรื่องทุกข์มันจะจมๆๆ
ทุกวันนี้ ความผิดหวังกับความรักมันยังอยู่
ถ้าคิดก็จะ จมๆๆๆ แทนที่จะปล่อยให้เป็นแบบนั้น
แต่ถ้ามีสติ ก็หยิบหนังสือมาอ่าน
เอาไลน์มาแบ่งปันสิ่งดีๆ
หากิจกรรมสนุกๆ ให้ตรงกับจริตตัวเอง
แบบนี้ก็มีพลังทำนั่นนี่ทุกวันละ
จะได้ไม่ต้องรอให้เวลามาช่วย เพราะเวลานอกจากไม่ช่วยให้เราเลิกคิดไร้สาระแล้ว เค้ายังวิ่งไปแบบไม่รอ ไม่ให้เพิ่ม มีแต่หมดไปๆ
——————————
ถ้ามีสติยิ่งช้าเท่าไร ก็เสียเวลาไปเปล่าๆมากขึ้นเท่านั้น
——————————
ขอบคุณสำหรับคำถาม เรียกสติ และ ได้ตอบตัวเองว่า เป็นใคร ทำเพื่ออะไรอีกครั้ง
คำถามที่สร้างกำลังใจ แม้เพียงคำถามเดียว
มีคุณค่ามากกว่า คำถามธรรมดาที่ให้ความรู้สึกลบจากคนรอบข้างที่ต้องเจอทุกวันมากมาย !