โมเดลธุรกิจยุค 5G…SMEs จะปรับตัวอย่างไรให้รอด!?

5G ยุคที่ความเร็วชนะทุกสิ่ง…ธุรกิจที่อยู่วันนี้จะเป็นอย่างไรในปี 2020

สรุปจากสัมมนาอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์สู่ยุค 5G

โดย ณภัค ภัคคิโรจน์

ท่านแรก ดร.ถิรพิรุฬห์ ทองคำวิฑูรย์ เจ้าหน้าที่ระดับสูง กสทช.

จากที่ทั่วโลกพร้อมออกระบบการสื่อสารที่ความเร็วสูงกว่า 4G ประมาณ 20 เท่า ที่เรียกว่า 5G ในปี 2020 อะไรคือภาพอนาคตที่เราพอจะคาดเดาได้บ้าง?
จริงๆ ตอนนี้เพราะเราใช้ 4G ในมือถือกันจนกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ไปแล้ว ธุรกิจหลายอย่างเปลี่ยนมาเป็นออนไลน์แบบที่ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ ณ เวลา นี้หลายธุรกิจ ได้รับผลกระทบการเปลี่ยนแปลงไปแล้วไม่มากก็น้อย เช่น Internet Banking, Online Education, Healthcare แต่ว่า เมื่อ 5G มาทุกธุรกิจที่ยังไม่ปรับตัวจะได้รับผลกระทบทั้งหมด

ปรับตัวยังไง อะไรจะหายไปแบบไม่มีอีกเลย?

ดร.บอกว่า ก็บอกไม่ได้ว่าอะไรจะหายไปชัดๆ แต่ให้ดูภาพถนนในเมือง new York เมื่อปี 1900 ที่มีแต่รถม้าวิ่ง แล้วก็เทียบอีกภาพที่เป็นถนนเดียวกันในปี 1913 ว่าไม่มีรถม้าเหลืออยู่แล้วมีแต่รถยนต์ แล้วให้เราลองคิดว่า ในช่วง 13 ปีนั้น คนทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถม้าจะเป็นอย่างไร!? แต่สิ่งที่สมัยนี้ต่างไปจากสมัยนั้นคือ เมื่อก่อนการเปลี่ยนแปลงต่างๆนั้นใช้เวลานานมากเป็นสิบปี แต่ปัจจุบันนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว มันเปลี่ยนแปลงแบบทันทีเกินคาดเดาได้

แล้วไทยเราจะเริ่มมี 5G ได้เมื่อไร?

อจ บอกว่า น่าจะอีกไม่เกิน 2 ปี ระบบ 5G น่าจะครอบคลุมพร้อมใช้ในไทยแล้ว

เอาล่ะ จากตรงนี้น้ำมองว่าเรายังมีเวลาศึกษาจากประเทศที่จะเริ่มก่อนเราและเตรียมตัวเล็กน้อย และการเข้าใจเรื่องโมเดลธุรกิจเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ เพราะวิธีคิดในการทำการตลาดจะเปลี่ยนไปอีกขั้น ถ้าไม่รีบเข้าใจตอนนี้ วันที่การเปลี่ยนแปลงมาถึงจริงๆ อาจจะสายไปแล้ว

ท่านที่สองคุณพรรณกร จันทรุกขา เจ้าของธุรกิจ NPP Box

เปลี่ยนโมเดลธุรกิจรับการตลาดออนไลน์

อันนี้เป็นการมาเล่าเคสของทายาทธุรกิจ กล่องลูกฟูก คุณอูน (คุณพรรณกร) ที่ก่อนหน้านี้ ที่บ้านทำธุรกิจแบบ B2B ตลาดแข่งขันเรื่องราคากันเดือดมากว่า 20 ปี จนธุรกิจเกือบจะเจ๊ง จึงเปลี่ยนโมเดลธุรกิจมาเป็นขายให้กับ B2C เน้น CS เป็นกลุ่ม แม่ค้าออนไลน์ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ CH สื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ รับลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด เปลี่ยน VP จากที่เป็นการรับสั่งแล้วค่อยผลิตแบบจำนวนมากๆ เป็นการผลิตกล่องสวยๆหลายขนาดไว้ขายเลย เริ่มจากทำกล่องไปรษณีย์สำหรับพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์เหล่า จนปัจจุบันรับสั่งผลิตทำโลโก้ให้เป็นเรื่องเป็นราวจากยอดขายเริ่มต้นหลักพันกลายเป็นหลักล้านต่อเดือนพลิกธุรกิจที่บ้านกลับมาเติบโตมีกำไรอีกครั้งในเวลาไม่ถึงปี

สำหรับน้ำมองว่า ต้องมีการวางแผนกลยุทธ์แบบครบเลย เพราะทั้งทำรูปแบบแบรนด์ใหม่ สื่อสารหาลูกค้ากลุ่มใหม่ การเปลี่ยนวิธีคิดของคนทำงานจาก B2B ซึ่งเป็นการให้เซลวิ่งไปหาลูกค้า ให้มาเป็นการตอบแชทเป็นหลักแทนนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่คุณอูนทำได้ดีมากทีเดียว วันนี้ดูคลิปขายกล่องของเธอแล้วรู้สึกเหมือนเธอกำลังขายกระเป๋าแบรนด์เนมเลยล่ะ

ท่านสุดท้าย อจ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูล การตลาด SMEs สู่ยุค 4G

อจ มาก็เริ่มบอกเลยว่า 5G ไม่ได้มีอะไรนอกจาก เร็วขึ้น! แต่มีหลายปัจจัยที่เราควรเตรียมตัวเพื่อการนี้!

อจ แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า 21 Lessons for the 21^st Century แล้ว อจ ก็เลือกบางส่วนจากหนังสือมาเล่าให้ฟัง น้ำนั่งฟังแกเล่าไปยกตัวอย่างไปเพลิน จับมาได้แค่ สองเรื่อง คือ

Strategic anticipation หมายถึงความสามารถที่จะสร้างและปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อโลกที่ไม่มีความแน่นอน และสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเกินคาดเดาได้ตลอดเวลา

คนที่ไม่มีแผนกลยุทธ์คือคนที่ไม่มีเป้าหมาย เมื่อขาดเป้าหมายใครจะพาไปไหนก็ได้ และสำหรับธุรกิจนั่นคือทางไปสู่การเจ๊ง โดยเฉพาะในโลกที่กำลังมีแต่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ (อจ พูดติดตลกว่า อีก 3 เดือนนี่ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเป็นยังไงแล้ว 55

Customer Experience หมายถึง ลูกค้าออกมาซื้อสินค้าและใช้บริการด้วยความต้องการประสบการณ์สำหรับตัวเค้า อจ ยกตัวอย่างไปไกล ถึงที่อเมริกา ว่าเหลือคนสองกลุ่มที่ยังออกมาซื้อของข้างนอกคือ Baby Boomer เพราะลูกๆโตไปหมดแล้วมีเวลาอยากออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ กับ Gen Z (อายุตั้งแต่ 22 ปีลงไป) ที่ถึงแม้จะชอบซื้อสินค้าออนไลน์ แต่ก็ชอบออกมาใช้บริการร้านค้า และ ถึงจะบอก Gen นี้ไม่ได้ต้องการการดูแล แต่ที่จริง พวกเขาก็ต้องการการบริการที่ดีเหมือนกัน แล้วก็ยกตัวอย่างของร้านค้าต่างๆ ที่ อจ ไปใช้บริการแล้วคนขายบริการไม่ดี ก็มีผลต่อการขายสินค้าหน้าร้านทันที เพราะฉะนั้นการรักษาประสบการณ์ที่ดีในการมาของลูกค้าแต่ละคนสำคัญมาก

อีกเรื่อง อจ พูดถึงเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ ว่า ที่จริง โนเกียก็มีการออกมือถือที่มีกล้อง 40 ล้านพิกเซลออกมาก่อนที่ iphone จะออกโทรศัพท์ซะอีก แต่การตั้งคำถามในการออกสินค้าของสตีป จ๊อบไม่เหมือนกัน เพราะสตี๊ป จ๊อบตั้งคำถามว่า ลูกค้าที่ต้องการถ่ายรูปนั้นพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ คำตอบก็คือ แค่ถ่ายภาพแล้วภาพออกมาสวย ไม่ได้ต้องการพิกเซลเยอะ แล้วก็เล่าว่า หัวเหว่ย ก็หาวิธีทำให้มือถือที่ออกมารุ่นหลังโดดเด่นด้วยการไปหาพาร์ทเนอร์เรื่องกล้องอย่างไลก้าเข้ามา ทำกล้องนอกจากจะถ่ายรูปได้สวยแล้ว ยังซูมได้ถึง 50 เท่า (คือ จากคอนโดชั้น 22 ถ่ายลงไปเห็นป้ายที่ถนนหน้าคอนโดชัด)

พอฟัง อจ ถึงตรงนี้ แล้วน้ำไปเดินห้างเซ็นทรัลพระราม 2 วันนี้นะ เห็นภาพการลดราคาสารพัดของแบรนด์ต่างๆ ทั้งที่เป็นหน้าร้านปกติ และที่มาออกบูทในลาน ก็ทำให้คิดว่า SMEs ไม่ได้อยากทำแบรนด์ แต่แค่ต้องการขายสินค้าได้ และถ้าจะขายสินค้าได้ ที่จริงต้องเข้าใจเรื่องโมเดลธุรกิจก่อนเลย ก่อนที่จะไปทำแบรนด์ ก่อนที่จะไปทำออนไลน์ซะอีก

เขียนไปแล้วก็นึกถึงเคสที่เพิ่งคุยกันไปว่า หน้าร้านลูกค้าลด เลยเริ่มทำเฟสบุ๊คเพจ แต่โพสอะไรไปก็ไม่มีคนตอบรับเลย ยอดขายก็เลยไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ฟังแล้วก็ไม่แปลกอะไร เพราะโลกทุกวันนี้ SMEs คงสับสนไปหมดล่ะ ว่าอะไรคือการตลาดที่ควรทำ จะต้องทำแบรนด์ แล้วก็จะทำต้องทำออนไลน์ อ้าวแล้วก็อีกสารพัดเรื่องที่เข้ามาให้ได้เรียนรู้กันไม่หยุด แต่ว่าเอาไปทำได้จริงไม่ค่อยได้ซักเรื่อง นั่นก็เพราะขาดการวางแผนกลยุทธ์เรื่องโมเดลธุรกิจที่ชัดเจนทำให้ใครบอกว่า อะไรดีก็ไปเรียนกัน จนไม่รู้ว่า อะไรกันแน่ที่ดีและเหมาะกับธุรกิจเราจริงๆซะแล้ว

เรียนรู้เรื่องโมเดลธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจคุณโตไกลในปีนี้ได้ที่นี่ ถ้าคุณเข้าใจการปรับโมเดลธุรกิจด้วย BMC ในแบบของเราแล้วล่ะก็รับรองว่าวิธีคิดในการจัดการของธุรกิจคุณจะไปไกลกว่าที่เคย เรียนรู้เบื้องต้นผ่านคอร์สเรียนออนไลน์ฟรี ! (กดที่ปุ่มด้านล่าง)