วันนี้ ชอบที่ได้คุยแลกเปลี่ยน กับนักธุรกิจท่านหนึ่ง ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจตัวเองมากว่า 40 ปี และตั้งใจจะเป็นโค้ชธุรกิจ เราคุยกันหลายเรื่อง ทำให้ทราบว่า พี่เค้าก็พยายามเปิดใจมาเรียนรู้กับเด็กรุ่นใหม่พอควร
ชอบตอนที่ คุยเรื่องกิจกรรมคิดนอกกรอบ ซึ่งเป็นกิจกรรมในห้องเรียนสัมมนาของน้ำที่พี่ท่านนี้ไปเข้าเรียนเมื่อวันที่ 13 พ.ย.
(ซึ่งรอบวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมาน้ำตัดออกไป แล้วเอาตัวอย่างเคสธุรกิจจริงมาใส่แทน)
น้ำถามว่า ที่เรียนไปเป็นยังไงบ้างคะ?
P’B: ผมชอบกิจกรรมคิดนอกกรอบที่ทำให้ทุกคนมีไอเดียแปลกๆ และมีส่วนรวมให้เราได้คิดตาม
แต่มองว่า บางคนดูจะไม่ได้เข้าใจเรื่องธุรกิจเลย ดูจะเพ้อฝันไปมากกว่า
Nam: ทุกความคิดไม่มีถูกมีผิดหรอกค่ะ
P’B: คุณน้ำ ไม่ใช้คำว่า ไม่มีถูก ไม่มีผิด ได้ไหม?
เพราะทำธุรกิจน่ะ มี ถูก กับผิดนะ….การทำผิดจะมีผลกระทบให้เสียหายได้
Nam: น้ำเข้าใจพี่นะ แต่ กิจกรรมการให้คิดนอกกรอบ เพื่อให้เราได้คิดอะไรก็ได้ออกมาให้มากที่สุดก่อน
แล้วค่อยไปเลือกอีกทีว่าจะเอาอันไหนไปใช้
ถ้าเราคิดได้ 1000
เราอาจได้ไอเดียใหม่ไปลองทำ 10
และใช้ได้จริง 1
แต่ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้ได้คิดนอกกรอบเลย ไอเดียใหม่ที่จะได้ทำก็จะไม่มี องค์กรก็จะเป็นแบบเดิม
P’B: ผมว่าผมเริ่มเข้าใจมากขึ้นละ
Nam: อีกเรื่องที่น้ำพยายามพูดว่า ไม่มีถูกมีผิด นะคะ ในห้องเรียน เพื่อให้ทุกคนกล้าแชร์ ความคิดตัวเอง
คนไทยกลัวว่าจะผิด เลยไม่มีใครกล้าเสนอความคิด ถ้าเราไปบอกว่า จะผิดได้ คงยิ่งทำให้คนกังวล น้ำอยู่ต่างประเทศมาหลายที่ และที่แตกต่างคือ เค้ากล้าแสดงความเห็นกัน ทำให้เราได้ความคิดใหม่ๆ และถึงน้ำจะคิดได้ช้ากว่าเค้า พวกเค้าก็ยอมรับและบอกว่าน้ำมีมุมมองที่แตกต่าง
P’B: จริง ครับ ผมมาเรียนเพราะอยากเข้าใจ ว่าเด็กรุ่นใหม่เค้าคิดอะไรกัน แต่บางทีผมก็รับไม่ได้
Nam: การที่พี่มานั่งเรียนก็แตกต่างจากเพื่อนรุ่นเดียวกันของพี่มากแล้วล่ะค่ะ เอาจริงๆ พี่อายุเท่าๆพ่อน้ำเลย รายนั้นแม้แต่เม็มเบอร์โทรศัพท์เองยังทำไม่ได้
ส่วนเรื่อง การธุรกิจ สำหรับน้ำที่ว่า ไม่มีถูกมีผิด เพราะ น้ำพบ ว่าสิ่งที่เราทำที่คิดว่า ‘พลาด’ มันกลับกลายเป็น ‘ถูก’ และสิ่งที่เราทำแล้ว คิดว่า ‘ใช่’ ตอนแรก มันกลับกลายเป็น ‘ไม่ใช่’ ในภายหลัง
ชีวิตน้ำเลยเปิดกว้างกับ มุมมองที่หลากหลาย มองย้อนไป ที่ผ่านมา ถ้าเราเป็นคนที่เราบอกว่า เค้าผิด ตอนนั้นถ้าเราเป็นเค้าเราอาจทำแบบเค้าก็ได้