Decoding Facebook……ถอดรหัสวิธีคิดแบบ Facebook

มาถอดรหัส Facebook เครื่องมือออนไลน์ที่เราใช้กันอย่างแพร่หลาย
เพื่อให้เราใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกัน!

วันนี้ได้ไปเรียนเรื่องการเข้าใจวิธีคิดต่างๆของ Facebook แบบ กลุ่มจิ๋ว มีกัน 8 คน สนุกสนาน

(น้ำถามหนักอยู่คนเดียวเช่นเคย)

…คือ ตอนแรกที่ไปคุยเพราะอยากให้ช่วยทำ แต่เค้าบอกว่า ทำของตัวเองก็เยอะมากอยู่แล้ว กับการดูแล เพจ 60 เพจ และทำการตลาดออนไลน์ให้กับ แบรนด์สินค้าแนวที่น้ำก็ไม่เคยซื้อ แต่ได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ หลายแบรนด์ (ขอไม่อ้างอิงถึงนะคะ)

 

ไม่ทำให้แต่สอนได้…ก็โอเค จัดไป! ลากคุณเพื่อนไอทีไปนั่งเรียนด้วยเพื่อช่วยกัน (ช่วยเอาไปทำนะ55)

วันนี้ทำให้เห็นภาพของความไม่แน่นอน ในธุรกิจที่เรารู้สึกว่าเค้าครองตลาดใหญ่มากชัดเจน

 

อย่างที่เรารู้กัน facebook เปลี่ยนรูปแบบ และ อัตราการคิดโฆษณาทุกวัน

facebook เองก็ทำการทดลองกับทุกอย่างหนักมากก่อนปล่อยออกมาแต่ละฟังชั่น

มีทั้งที่ไปรอดและไม่รอดเหมือนกับการทำธุรกิจทั่วไป

อัตราการทดสอบของเค้าคือ 10:1 คือ ทำ 10 อย่างจะมีเอาออกมาให้ตลาดได้ใช้ แค่ อย่างเดียว

แปลว่าก่อนจะมาถึงจุดนี้ facebook ต้องทำการทดลองเป็น 100 อย่างเลย!

ที่เค้าต้องปรับตลอดก็แน่ละว่า ธุรกิจต้องพัฒนาให้ทัน

 

มี 2 เรื่อง ที่น่าสนใจสำหรับวิธีคิดของ facebook

1.สิ่งที่ facebook ให้ความสำคัญเรียงจากมากไปน้อย

(คือ ถ้าเค้าให้ความสำคัญมากก็จะทำให้คนเห็นมากขึ้นในอัตราค่าโฆษณาที่ถูก)

  1. FB VDO >> ต้องเป็นขนาดเวลาที่ 3- 5 นาที (จะเป็น Autoplayให้เลย) แต่ถ้าต่ำกว่านี้หรือ เกินนี้ จะไม่มีการ Autoplay ให้ ถ้าต่ำกว่า 15 วิ ไฟล์จะถูกเปลี่ยนเป็น gif
  2. FB live
  3. FB share
  4. FB comment

อ้าว แล้ว “like” ล่ะไปไหน ? เค้าก็นับว่ามี engagement แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญแล้ว

พี่เค้าบอกว่า FB เคยคิดจะเอาปุ่ม like ออกด้วย แต่ว่า เค้าสร้างวัฒนธรรมนี้ไปแล้ว ก็เลยยังคงไว้

 

2.เทรนด์ที่ facebook จะทำเพื่อเพิ่มรายได้ในปีหน้า

การทำ โฆษณาใน FB live (แบบ Youtube)

ทำ FB network ลง Ads Banner ให้สำหรับทำ re-marketing (เหมือน google ads send)

ทำ messenger ads for broadcast ได้ทุกคนที่ inbox (เหมือนไลน์แอด)

 

****Special Tips for Facebook Ads****

  • ยิ่งอยู่นานยิ่งแพง — FB สนับสนุนเรื่องความสดใหม่ และอยากให้คนใหม่เห็นว่า การทำ FB ads ได้ผล จึงคิดค่าโฆษณาที่ถูกว่าสำหรับเพจใหม่ เพราะงั้นเพจที่มียอด like เยอะระดับหนึ่งแล้ว กลายเป็นว่าการทำโฆษณาจะแพงมาก จึงควรเปิดเพจใหม่
  • FB ให้เราลงรูปได้มากสุด 42 รูป และชอบจำนวนที่ 24 รูปเพราะวางได้พอดี และการลงรูป ถ้าอยากให้เรียงสวย ให้โหลดรูปแรกให้เสร็จก่อนจะไปโหลดรูปถัดไป
  • ตั้ง auto keyword ให้มีการตอบแบบที่เราต้องการได้ใน inbox (แบบการตั้งตอบ อัติโนมัติในไลน์แอด)

การตั้งค่าตรงนี้ทำให้เฟสบุ๊คมองว่าเพจเรามีอัตราการตอบเฟสบุ๊คของเราเร็วขึ้นด้วย

  • เราควรตอบทุกคอมเมนท์ในเพจและโฆษณาของเราเพื่อให้มี engagement

และควรโพสทุกวัน ยิ่งมี engagement มาก อัตราค่าโฆษณาก็ถูกลง

  • FB ก็มีการจัดการประมูลราคาแบบเดียวกับที่ google ads word ทำเพราะงั้นถ้าอุตสาหกรรมเรามีคู่แข่งที่ทุ่มเงินโฆษณามากกว่า เราก็จะได้เข้าถึงคนที่เราต้องการในเวลาที่ช้ากว่าคู่แข่ง แก้ได้โดยการเลือกเวลาในการให้โฆษณาเราแสดง
  • การเลือกแสดงโฆษณาในเวลาที่ FB นับว่า peak ก็จะแพงกว่าปกติ โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุด

โดยดูสถิติมาจากอเมริกาที่จะมีคนซื้อของวันหยุดมากกว่าวันธรรมดา แต่สำหรับในบ้านเราวันธรรมดาโดยเฉพาะวันพุธและ พฤหัสเป็นเวลาที่คนกดซื้อของเยอะสุด

  • การเลือกตั้งค่าโฆษณา อย่าลืมเลือกว่า ไม่แสดงไปที่คนที่กดlike page แล้ว สำหรับการให้คนใหม่ๆเห็น
  • FB เป็น robot ที่รู้ว่าใครมักจะชอบกด like ก็จะส่งทุกอย่างไปให้คนนั้นก่อน เพื่อให้มันได้คะแนนว่ามีคน engagement กับโฆษณาของเรา เพราะงั้นการซื้อlike ก็จะมีคนส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ตรงเป้าหมาย
  • อัตราความจริง หรือ ความแม่นยำเรื่องกลุ่มเป้าหมาย ของ FB อยู่ที่ 66% เพราะ คนมักไม่กรอกความจริงทั้งหมด
  • 1 Ads อยู่ได้ดีไม่เกิน 45 วัน เพราะมันจะไม่สดใหม่แล้ว
  • FB ให้ความสำคัญกับ ข้อความแค่ 20% ภาพ 80% เพราะงั้นถ้าไม่อยากทำ Ads ใหม่ก็เปลี่ยนแค่รูปก็ได้ แต่รูปที่ลงควรเป็นรูปของเราเอง หรือ ถึงเอามาจากที่อื่นก็ควรแต่งภาพให้มีเอกลักษณ์บางอย่างของเรา

FB data

 

น้ำใส @23.8.2016

Credit Source : Hearhui

ดาวน์โหลดฟรี
คู่มือการสร้างโมเดลธุรกิจ

ไอเดียต่อยอดธุรกิจ

Case Study

คอร์สประจำเดือน

ติดอาวุธธุรกิจด้วย BMC

เริ่มธุรกิจที่ใช่ ให้ไปรุ่ง

แชทสอบถาม

Scroll to Top